ทำอย่างไร จึงจะทราบว่า มีอากาศหรือก๊าซในระบบ
ตามปกติในระบบทำความเย็นจะมีอุปกรณ์วัดความดัน ซึ่งจะแสดงค่าเปรียบเทียบเป็นอุณหภูมิให้ดูด้วย จากความสัมพันธ์ของค่าความดัน และอุณหภูมิของน้ำยา จะต้องเป็นไปตามกฎเทอร์โมไดนามิค นั่นคือ สารทำความเย็นที่กลั่นตัวจากเครื่องควบแน่นจะมีค่าอุณหภูมิสอดคล้องกับค่าความดันควบแน่น ซึ่งถ้าเราพบว่าค่าความดันของระบบสูงกว่าค่าที่เป็นความดันควบแน่นนั้น แสดงว่ามีอากาศหรือก๊าซที่ไม่กลั่นตัวปนอยู่
สาเหตุที่ควรใช้เครื่องไล่อากาศ
- เพื่อให้ระบบสามารถทำงานในจุดที่ดีที่สุดตามที่ออกแบบไว้แต่แรกในส่วนของการระบายความร้อนในชุดคอนเดนเซอร์
- เพื่อลดค่าพลังงานที่ไม่จำเป็นต้องสูญเสียในการทำความเย็นที่ความดันสูงหรือการทำงานที่นานเกินความจำเป็นของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องอัดน้ำยา พัดลม ปั๊มน้ำ เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงปัญหาการหยุดหรือเสียหายของระบบ เมื่ออากาศร้อน
- ยืดอายุงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์
- เพื่อให้น้ำมัน และน้ำยาในระบบมีสภาพดีอยู่เสมอ
- เพื่อลดปริมาณน้ำยาทำความเย็นที่อาจจะสูญเสีย และ เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม
- เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ช่างผู้เกี่ยวข้อง
- เป็นการทำงานแบบอัตโนมัติ เปิด/ปิดเองตามความจำเป็น
เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น บทความนี้ได้แนบตารางแสดงค่าไฟฟ้าที่ประหยัดได้ (ตามข้างล่าง) ซึ่งจะเห็นว่า การลงทุนติดตั้งเครื่องไล่อากาศน่าจะเป็นวิถีทาง ที่จะนำมาพิจารณา ในการช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าของโรงงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบทำความเย็น
ตารางเปรียบเทียบค่าไฟที่ประหยัดได้ ในกรณีติดตั้งเครื่องไล่อากาศต่อปี
หมายเหตุ : ตัวเลขที่นำมาแสดงเป็นตัวอย่างการคำนวณโดยใช้อัตราค่าใช้ไฟฟ้าของกิจการขนาดใหญ่แบบ TOD
- แรงดันตั้งแต่ 69 กิโลโวลท์ขึ้นไป
- คิดอัตราค่าพลังงานไฟฟ้า 1.666 บาท/หน่วย
- ไม่ได้นำค่าความต้องการพลังงานไฟฟ้ามาคำนวณในตารางนี้
- ค่าจำนวนชั่วโมงการเดินเครื่องที่ 8000 ช.ม. ต่อปี