แผงวงจรแอร์แบบ PAM คืออะไร ประหยัดไฟจริงไหม และควรเลือกซื้อหรือไม่

แผงวงจรแอร์แบบ PAM คืออะไร ประหยัดไฟจริงไหม และควรเลือกซื้อหรือไม่

การเลือกแอร์ในการใช้งาน ใครว่าไม่สำคัญ และใช่ว่าแอร์แบบไหนก็สามารถใช้กับห้องอะไรก็ได้ แต่ควรมีการเลือกสรรกันให้ดีว่าแอร์ในแต่ละจุดการทำงานนั้นจะต้องใช้กี่ BTU และหากต้องการเลือกแอร์ให้ประหยัดไฟควรเลือกวงจรแอร์แบบแผงวงจร  PAM จะดีกว่า ซึ่งวงจร  PAM นั้นดีอย่างไรต้องมาดูกัน

แผงวงจรแอร์ PAM คืออะไร

แผงวงจรแอร์ PAM แผงวงจรที่เป็นสมองกลอัจฉริยะเพื่อทำการประเมินผลและเป็นตัวควบคุมการทำงานของระบบแอร์เพื่อส่งต่อไปยังคอมพิวเตอร์ โดยจะเป็นตัวที่ทำให้แอร์สามารถจัดการการทํางานของระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพที่มากขึ้น ทั้งยังเป็นการช่วยดูแลระบบฟอกอากาศ ทำให้อากาศสะอาด ที่สำคัญเสียงเงียบมาก จึงทำให้มั่นใจได้เลยว่าจะได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ เย็นสดชื่นและไร้เสียงรบกวนอย่างแน่นอน

แผงวงจรแอร์ PAM ดีอย่างไร

แผงวงจรแอร์ PAM นั้นจะเป็นตัวช่วยทำงานทำให้ระบบต่างๆ ของแอร์นั้นทำงานได้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญยังเป็นตัวควบคุมระบบต่างๆ ที่จะส่งต่อไปยังคอมเพรสเซอร์ ทำให้การทำงานของแอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่าระบบที่ไม่มีแผงวงจร pam

ส่วนประกอบอื่นที่ต้องมี เพื่อการประหยัดไฟที่ดีขึ้น

นอกเหนือจากแผงวงจรแอร์ PAM แล้วแอร์คอนดิชั่นเนอร์ก็จะต้องมีส่วนประกอบอื่นๆ ร่วมด้วย เพราะหากเลือกแค่เพียงวงจรอย่างเดียวแต่การทำงานของอุปกรณ์ตัวอื่นไม่ได้ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ก็ไม่ได้ทำให้แอร์นั้นประหยัดไฟมากขึ้น โดยส่วนประกอบอื่นๆ ที่ควรมี ได้แก่

1. มอเตอร์แอร์กระแสตรง

หากใครที่ยังใช้มอเตอร์กระแสสลับอยู่อาจจะต้องเปลี่ยนใจหากได้อ่านบทความนี้ เพราะการใช้มอเตอร์กระแสตรงนั้นจะช่วยควบคุมการทำงานของคอมได้ดีกว่า ที่สำคัญยังสามารถรับคำสั่งได้แม่นยำและเปลี่ยนแปลงการทำงานได้เร็วกว่ามอเตอร์กระแสสลับ เรียกได้ว่าหากมีวงจรแอร์ PAM แล้วยังมีมอเตอร์กระแสตรงร่วมด้วย จะทำให้ได้แอร์ที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังปรับอุณหภูมิได้เร็วอย่างเหลือเชื่อเลยทีเดียว

2. คอมเพรสเซอร์แอร์กระแสตรง DC

จะดีกว่าหรือไม่ถ้าแอร์ที่ใช้อยู่ เวลาที่ปรับอุณหภูมิหรือเปิดแอร์ไปสักพักจะทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการปรับอุณหภูมิอย่างรวดเร็วไม่ต้องรอนาน เพราะหากมีคอมเพรสเซอร์กระแสตรง DC อยู่แล้วก็จะทำให้การทำงานเหล่านั้นรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญยังเป็นการประหยัดไฟได้ดีอีกด้วย

3. วาล์วอิเล็กทรินิกส์ EEV

หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับสารที่ทำให้เกิดความเย็นรั่วไหลจนทำให้แอร์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพและที่สำคัญยังทำให้เปลืองไฟอีกด้วย การที่มีวาล์ว Electronic ตัวนี้อยู่จะช่วยในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะวาล์วมีหน้าที่ควบคุมความเย็นของสารพร้อมทั้งดูแลการไหลของสารทำความเย็น เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

คำแนะนำอื่นๆ ในการเลือกซื้อแอร์

นอกจากจะต้องรู้สเปคของแอร์ รู้การทำงานเบื้องต้นแล้ว ก็มีคำแนะนำเพิ่มเติมในการเลือกแอร์ให้คุ้มค่าและประหยัดไฟได้ดีดังนี้

1. ต้องรู้ขนาดห้องที่จะติดตั้ง

ต้องรู้ขนาดห้องที่ติดตั้งด้วย ไม่ใช่เพราะอะไรแต่จะต้องนำมาใช้ในการคำนวณหาค่า btu ของแอร์ที่เหมาะสมกับห้องเ พราะหากเลือกบีทียูแอร์ที่ต่ำ การทำงานของแอร์ก็จะสูงทำให้เปลืองค่าไฟและทำให้แอร์พังเร็วอีกด้วย แต่หากเลือกแอร์ btu สูงๆ ในขณะที่ห้องไม่จำเป็นต้องใช้สูงขนาดนั้นอาจทำให้เกิดการเปลืองไฟและทำให้ห้องมีความชื้นสูงกว่าเดิม ดังนั้นการเลือกที่มีขนาด btu เหมาะสมจะดีที่สุด ซึ่งหากต้องการทราบว่าต้องใช้แอร์ที่มี btu เท่าไหร่ ก็ต้องดูจากขนาดของห้องแล้วนำมาคำนวณดูนั่นเอง

2. มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5

ไม่เพียงแต่ตู้เย็น หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่นเท่านั้นที่ควรมีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แอร์ก็เช่นเดียวกัน โดยควรเลือกซื้อแอร์ที่มีฉลากเบอร์ 5 จะช่วยให้ประหยัดค่าไฟในบ้านได้ดีกว่า ดังนั้นก่อนเลือกซื้อก็ควรดูให้ดีว่ามีฉลากดังกล่าวนี้หรือไม่ ประกอบกับดูคุณสมบัติอื่นๆ และสเปคของแอร์ รวมถึงวงจรแอร์ว่าเป็นอย่างไร เท่านี้ก็จะทำให้ได้แอร์ที่ประหยัดและมีคุณภาพในการใช้งานที่ดีแล้วล่ะ

3. ใช้ระบบ Inverter ในการประหยัดไฟ

ในการเลือกซื้อแอร์สักเครื่องหนึ่งนั้นเป็นไปได้ควรเลือกที่มีระบบ Inverter เพราะจะช่วยประหยัดไฟได้จริงๆ โดยระบบนี้จะเน้นไปที่การสร้างความเย็นที่คงที่ ซึ่งอุณหภูมิจะไม่มีการแกว่งไปมา และในขณะที่ทำงานก็จะมีความเงียบ เพราะคอมแอร์นั้นจะทำงานในแบบลดรอบแต่ทำงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแตกต่างจากคอมแอร์ทั่วๆ ไปที่ทำความเย็นถึงจุดหนึ่งแล้วตัดพอห้องเริ่มร้อนก็ถึงจะเริ่มทำความเย็นใหม่ แต่ในระบบอินเวอร์เตอร์นั้นจะมีราคาที่สูงกว่าแอร์ระบบธรรมดาแม้ว่าจะมีราคาที่สูงกว่าระบบแอร์ธรรมดาแต่ในระยะยาวแล้วจะสามารถช่วยประหยัดค่าไฟได้ดีกว่าแอร์ระบบธรรมดามากเลยทีเดียว

ดังนั้นหากจะเลือกซื้อแอร์สักตัวควรจะทำการศึกษาเสียก่อนว่าแอร์ตัวนั้นมีการประกอบมาปีไหนแล้ว ได้รับตราสัญลักษณ์ประหยัดไฟห้าดาวมาหรือไม่ เพราะหากมีสัญลักษณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็ช่วยให้ประหยัดไฟได้มากกว่าเดิมค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว และที่สำคัญควรมีวงจรแอร์ PAM ด้วย