ชนิดของแผงกรองอากาศ มีแบบไหนบ้างนะ

เมื่อเราทราบถึงความจำเป็นที่ต้องใช้แผงกรองอากาศและวิธีการทดสอบประสิทธิภาพแล้ว ต่อไปเราควรจะทราบถึงการแบ่งชนิดของมัน เพื่อที่จะได้เลือกใช้ให้เหมาะสม

องค์ประกอบ 3 อย่างที่จะบอกลักษณะของแผงกรองอากาศชนิดต่าง ๆ ซึ่งจะต้องระบุเสมอเวลาพูดถึงแผงกรองอากาศชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งได้แก่

  1. ประสิทธิภาพ (Efficiency) เป็นการวัดความสามารถในการกำจัดฝุ่นออกจากกระแสลม
  2. ความเสียดทานของกระแสลม (Air flow resistance) คือค่าความดันตก (Static pressure drop) เมื่อผ่านแผงกรองอากาศที่อัตราความเร็วของลมที่กำหนด
  3. ความสามารถในการเก็บฝุ่น (Dust holding capacity) หมายถึงปริมาณฝุ่นที่แผงกรองอากาศสามารถเก็บไว้ได้ เมื่อใช้งานที่อัตราความเร็วของลมที่กำหนด จนถึงค่าความเสียดทานสูงสุดซึ่งผุ้ผลิตแผงกรองอากาศเป็นผู้กำหนด

การแบ่งชนิดของแผงกรองอากาศทั่ว ๆ ไป

1. Panel filter

เป็นแผงกรองอากาศชนิดแผ่นมีทั้งชนิดแห้ง (dry type) และชนิดที่เคลือบด้วยสารที่มีความหนืด (viscous impingement typs)
แผงกรองอากาศชนิดนี้ทำด้วยวัสดุหลายชนิด เช่น เส้นใยแก้วชนิดหยาบ, ขนสัตว์, เส้นใยพืช, เส้นใยสังเคราะห์, เส้นลวดสาน, อะลูมิเนียม และโฟมชนิดเซลล์เปิด (open-cell form) เป็นต้น

ชนิดที่เคลือบด้วยสารที่มีความหนืด เช่นพ่นด้วยน้ำมัน ก็เพื่อให้แผงกรองอากาศเกิดความเหนียวขึ้น มีความสามารถในการดักผ่านดีขึ้น ในการใช้งานต้องระมัดระวังเรื่องความเร็วลมที่ผ่านแผงกรอง เพราะถ้ามากเกินไปอาจเป่าเอาฝุ่นที่สะสมไว้หรือเป่าสารที่พ่นไว้ให้หลุดออกมาได้

2. Extended surface filter

เป็นแผงกรองอากาศชนิดที่มีการเพิ่มเนื้อที่ของวัสดุที่เป็นวัสดุกรอง (media) โดยเนื้อที่ของวัสดุกรองจะมากกว่าพื้นที่หน้าตัดของตัวแผงกรองอากาศ วัสดุกรองเหล่านี้จะถกจัดทำเป็นแบบถุง หรืออัดจีบแบบตัววี (V) ก็ได้ และมักจะทำด้วยเส้นใยแก้วชนิดละเอียด หรือเส้นใยไม้ เป็นต้น มีทั้งชนิดทิ้งเลยและชนิดถาวร และโดยมากมักจะเป็นแบบ dry type มีประสิทธิภาพสูงกว่าแบบ Panel filter
HEPA filter ก็จัดเป็น dry type extended serface filter ชนิดหนึ่ง

3. Renewable media filter

เป็นแผงกรองอากาศชนิดที่มีการหมุนเวียนของวัสดุกรอง แบบอัตโนมัติมีทั้งแบบ dry type และแบบ viscous in pingement type
สำหรับแบบ dry type มักจะเป็นแบบที่เมื่อใช้วัสดุกรองหมดม้วนแล้วจะทิ้งไปทั้งม้วนเลย
ส่วนแบบ ciscous impingement type จะมีทั้งแบบใช้วัสดุกรองหมดม้วนแล้วทิ้งไปกับแบบที่ใช้แล้วจะล้างและเคลือบสารที่มีความหนืดไปพร้อม ๆ กันในตัว

นอกจากนี้ยังมีชนิดที่ออกแบบมาสำหรับใช้กับโรงงานทอผ้าโดยเฉพาะ ซึ่งมีลักษณะพิเศษคือ สามารถนำฝุ่นเส้นใยที่กักไว้ได้กลับมาใช้งานใหม่

แผงกรองอากาศแบบนี้มีข้อดีคือได้แรงเสียดทานคงที่ เนื่องจากมีการหมุนเวียนของวัสดุกรอง นั่นหมายถึง ว่าจะได้ประสิทธิภาพที่คงที่ด้วย ส่วนจ้อเสียก็เช่นเดียวกับแบบ Panel filter คือประสิทธิภาพค่อนข้างต่ำ

4. Electronic air cleaner

เป็นแบบที่ดักจับฝุ่นโดยการยิงประจุไฟฟ้าสถิตเพื่อไปเก็บฝุ่นวัสดุกรองมีทั้งแบบอยู่กับที่กับแบบหมุนเวียน ข้อดีคือสามารถรักษาให้ความดันตกเมื่อผ่านแผงกรองคงที่ และได้ประสิทธิภาพที่คงที่ด้วย ส่วนข้อเสียคือราคาแพง

นอกจากทั้ง 4 ชนิดที่กล่าวมานี้ ยังมีอีกชนิดหนึ่งซึ่งใช้ในการกำจัดกลิ่นคือ carbon filter ซึ่งมีวัสดุกรองเป็นถ่านคาร์บอน